ที่ชาร์จรถไฟฟ้า แบบ AC vs DC ต่างกันอย่างไร

ที่ชาร์จรถไฟฟ้า แบบ AC vs DC ต่างกันอย่างไร
13

ทำความรู้จักกับการชาร์จแบบ AC กับ DC กันก่อนว่ามันต่างกันอย่างไร

  • การชาร์จแบบ AC คือ การชาร์จแบบกระแสสลับ มันคือการชาร์จกับไฟบ้านนี่เอง ไฟจะวิ่งผ่าน On Board Charger ภายในตัวรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อแปลงกระแสไฟจากกระแสสลับไปเป็นกระแสตรงแล้วชาร์จเข้าแบตเตอรี่รถยนต์ การชาร์จแบบ AC นั้นเหมาะกับการชาร์จเอาไว้ข้ามคืนหลังจากผู้ขับขี่กลับบ้าน เพราะจะใช้เวลานานในการชาร์จ แต่สะดวกสบายกว่าแบบ DC เพราะสามารถชาร์จได้จากไฟบ้าน
  • การชาร์จแบบ DC คือ การชาร์จกับสถานีชาร์จ เหมาะกับรถยนต์ไฟฟ้า % เป็นการชาร์จตรงเข้าแบตเตอรี่ภายในรถโดยตรงเลย ไม่ต้องผ่าน On Board Charger เหมาะกับการชาร์จด่วน ชาร์จเร็ว ใช้เวลาในการชาร์จน้อย เรียกว่าเป็นการชาร์จแบบด่วน ใช้เวลาน้อยกว่าการชาร์จแบบ AC

ขึ้นอยู่กับกรณีการใช้งานทั้งหมด หากคุณต้องการชาร์จไฟอย่างรวดเร็วเพื่อเดินทางไกล คุณจะต้องเลือกการชาร์จแบบ DC (หากรถของคุณรองรับ) สำหรับกรณีการใช้งานอื่นๆ การชาร์จ AC จะเป็นวิธีการชาร์จรถของคุณ

 

ควรชาร์จแบบไหนให้เหมาะกับรถไฟฟ้าของคุณ

  • การชาร์จแบบ AC นั้น น่าจะเป็นการชาร์จหลักของหลาย ๆ คน เพราะสามารถชาร์จได้ที่บ้านของตนเอง คิดง่าย ๆ ก็คือ สะดวก สบาย ไม่ต้องวิ่งหาสถานีชาร์จ ขับรถเสร็จกลับบ้านมาชาร์จทิ้งไว้ได้เลย การชาร์จแบบนี้ต้องใช้เวลาในการชาร์จนานซึ่งแตกต่างจากชาร์จกับสถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV Charger, ที่ชาร์จรถไฟฟ้า) เป็นการต่อจากเต้ารับที่บ้านได้โดยตรง (Normal Charge) แต่ต้องมีการวางระบบไฟฟ้าใหม่และติดตั้งเต้ารับสำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger, ที่ชาร์จรถไฟฟ้า) เท่านั้น ซึ่งการชาร์จ 1 ครั้ง จะใช้เวลาประมาณ 12-16 ชั่วโมง
  • การชาร์จแบบ DC นั้น เป็นการชาร์จกับสถานีชาร์จ ใช้เวลาในการชาร์จเร็วมาก โดยใช้เวลาเพียง 40-60 นาที ตัว Charger หัวชาร์จ ของตู้ EV Charger (ที่ชาร์จรถไฟฟ้า) จะมีทั้งแบบที่เป็น AC และ แบบ DC ประเภทของหัวชาร์จจะขึ้นอยู่กับมาตรฐานของผู้ผลิตรถยนต์รุ่นนั้นว่าออกแบบมาให้ใช้กับ Charger หัวชาร์จ ประเภทไหน แต่ก็มีข้อเสียคือ ทำให้ตัวแบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น และไม่สะดวกสบายหากต้องใช้รถเป็นประจำทุกวัน

 

สรุปง่าย ๆ ว่า การชาร์จแบบ AC นั้นถึงแม้จะกินเวลานาน แต่ก็สะดวกสบายกว่า ไม่ต้องวิ่งไปหาสถานีชาร์จที่อื่น ขับรถกลับบ้านมาก็ชาร์จทิ้งไว้ได้เลย เรื่องค่าไฟก็ไม่แพงมาก อย่างไรเสียก็ถูกกว่าการเติมน้ำมัน ชาร์จทิ้งไว้ตอนกลางคืน ตอนเช้าก็สามารถนำมาขับได้เลย

ส่วนการชาร์จแบบ DC นั้น เหมาะกับเวลาฉุกเฉินหรือเวลาต้องเดินทางไกล ใช้เวลาชาร์จน้อย คุณอาจไปนั่งจิบกาแฟเพื่อรอชาร์จไฟจนเต็มได้ เพียงแต่ต้องขับรถหาสถานีชาร์จ ซึ่งในปัจจุบันนี้ประเทศไทยเราก็มีสถานีชาร์จมากขึ้นแล้ว

 

สนใจรับคำปรึกษาฟรีเกี่ยวกับ เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า DC Charger, AC Charger, Wallbox, Portable EV Charger

ติดต่อ LineOA: @energymaster

โทร. 063-289-6551

QR Code Line: